เกร็ดความรู้ 
ปลาหางนกยูงป่าไม่ว่าจะเป็น poecilia wingei (endlers) หรือ poecilia reticulata (guppy) โดยธรรมชาติที่อยู่รวมกันนั้นเต็มไปด้วยความเข้มข้นหลากสีสันที่แฝงทางพันธุกรรมค่อนข้างสูงมาก เมื่ออยู่รวมๆกันจะมีสีสันและลวดลายที่หลากหลาย ลูกหลานเกิดใหม่แต่ละรุ่นจะมีสีสันผสมกันในหลายรูปแบบออกมาให้เห็นกัน จนเมื่อปลาเหล่านี้เข้ามาสู่ระบบการเลี้ยงแบบสวยงาม (aquarium trade) นักพัฒนาสายพันธุ์จึงทำการคัดเลือกปลาที่สวยที่มีจุดเด่นเฉพาะ คัดเลือกมาทำสายพันธุ์พัฒนาปลาให้มีความนิ่งแล้วเพิ่มจำนวนของสายพันธุ์นั้น ออกขายสู่ตลาดปลาสวยงาม วิธีการนี้เรียกว่าการจำกัดความเข้มข้นของสายพันธุ์ให้ปลาแสดงออกได้เพียงลักษณะเด่นเพียงแบบเดียวตามที่นักพัฒนาสายพันธุ์ต้องการ และใช้เวลาพัฒนากันค่อนข้างนานหลายปี ยิ่งความนิ่งของสายพันธุ์นั้นมีความนิ่งสูงคือปลาที่พัฒนาจนรุ่นลูกมีความเหมือนพ่อแม่ในทุกๆรุ่นจนเกือบ 100% และบางคนก็ถือเอาปลาที่มีเปอร์เซ็นความนิ่ง 80% ขึ้นไปก็เริ่มเอาออกจำหน่ายในตลาดแล้ว ทั้งนี้ก็อยู่ที่เกรดของปลา ยิ่งเกรดสูงก็ราคาสูงเป็นเรื่องปกติตามกลไกราคาตลาดปลาสวยงาม
แต่ที่หลายคนมักไม่ทราบคือเรื่อง การซื้อปลาไปเลี้ยงต่อ บางคนเอาไปเลี้ยงในอ่าง หรือเลี้ยงสวยๆในตู้เฟอร์นิเจอร์หรือตู้ไม้น้ำ ยังคงต้องมีการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์เพื่อให้ลักษณะเด่นของสายพันธุ์นั้นๆได้สืบทอดต่อไปยังรุ่นลูกต่อไปและกดความเข้มข้นของยีนส์ในบรรพบุรุษไม่ให้แสดงออกมา ถ้ามีปลาที่มีสีสันอื่นเกิดขึ้นต่างไปจากสายพันธุ์หลักหรือที่เราเรียกกันว่า ปลาหลุด ลูกหลุด ลูกหลง เป็นต้น ซึ่งถ้าผู้เลี้ยงไม่ทำการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ในแต่ละรุ่นให้ดีและทำการเลี้ยงแบบปล่อยรวมๆให้ผสมพันธุ์กันเอง จะทำให้ยีนส์ของบรรพบุรุษที่หลับไหล อาจจะตื่นขึ้นและแสดงออกมาได้นั่นเอง ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ จะทำให้มีลูกหลุดเพิ่มมากขึ้นจนสายพันธุ์ของปลาเริ่มเพี้ยนและคุณภาพลดลงทำให้ปลาไม่สวยเหมือนเดิมนั่นเอง
ก็เป็นความรู้สำหรับการเลี้ยงปลาหางนกยูงโดยเฉพาะ ผู้เลี้ยงที่ซื้อไปเลี้ยงจึงควรคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ในแต่ละรุ่นเพื่อขยายพันธุ์ ไม่ควรปล่อยแบบธรรมชาติ ถ้าจะคงไว้ซึ่งสายพันธุ์นั้นๆ สืบไป 
ขอให้สนุกกับการเลี้ยงปลาครับ 